The Countryside of Chithurst

Reflections of Buddhist monastic life in England

สุขใจในท่ามกลางสงฆ์

Posted by phrajew บน กรกฎาคม 3, 2006

Dhamma Hall

 

เป็นเรื่องแปลกแต่จริงที่ว่า  เวลาที่อยากหลีกเลี่ยงสิ่งใด  เรามักจะได้พบกับสิ่งนั้นเสมอ  ไม่ว่าจะเป็นคนหรือเหตุการณ์ที่เราไม่ค่อยอยากจะพบพานนัก  ราวกับว่าชีวิตต้องการเสนอบททดสอบให้เราได้ก้าวข้ามขีดจำกัดทางความพอใจของเราอยู่เสมอ  บทเรียนเรื่องนี้เห็นจะมาเร็วเกินกว่าที่คาดไว้

 

เคยแอบหวังเอาไว้ในใจว่าคงจะไม่ต้องอยู่ในตำแหน่งอาวุโสสูงสุดไปอีกนาน  แต่ปรากฏว่าตลอดทั้งสัปดาห์ก่อนจะเข้าพรรษา จะต้องทำหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาสเพราะครูบาอาจารย์ท่านอื่น ๆ ไม่อยู่อีกเช่นเคย  ท่านเจ้าอาวาสเดินทางไปอเมริกาเพื่อสอนธรรมะและเข้าร่วมการประชุมอะไรสกอย่าง  อีกท่านหนึ่งไปธุดงค์แถบคอร์นวอลล์  ส่วนอีกท่านก็ไปร่วมคณะธุดงค์ขึ้นเขาที่ประเทศลัตเวีย  คราวนี้จึงถือว่าหนักกว่าครั้งก่อนเพราะเป็นระยะเวลานานกว่า

 

เช้าวันเสาร์มีการประชุมร่วมกันระหว่างสมาชิกในชุมชนทั้งหมด  ทั้งพระ แม่ชีและฆราวาสที่มาพักที่วัด  โดยปกติในการประชุมนี้ก็จะมีการสรุปเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวที่จะเกิดขึ้นในรอบสัปดาห์  ใครจะอยู่หรือใครจะไปธุระที่ไหน  และใครจะรับผิดชอบงานในส่วนใดก็จะมีการตกลงกันในช่วงนี้ หากใครมีคำถามเกี่ยวกับเรื่องความเป็นอยู่ในชุมชนก็จะเป็นโอกาสให้ซักถามและชี้แจงด้วยเช่นกัน

 

การประชุมในเช้าวันนี้เลิกเร็วกว่าปกติ  เพราะประธานไม่มีข้อเสนออะไรและไม่ได้ชวนให้เกิดการอภิปรายในเรื่องใด ๆ ทั้งสิ้น  เมื่อจบรายงานความเคลื่อนไหวก็เป็นอันว่าจบกัน  แยกย้ายกันไปทำความสะอาดศาลาเห็นจะดีกว่า 

 

คนที่ปฏิบัติธรรมมานานนับสิบปีมักจะได้เปรียบตรงที่มีความสามารถในการอยู่กับตนเอง  แม้ว่าจะต้องอยู่ท่ามกลางผู้คนและต้องทำหน้าที่อันไม่คุ้นเคย  เราก็ยังอาจหาความพึงพอใจได้จากการหายใจเข้าออกตามปกติ  และปล่อยตัวให้ลื่นไหลไปกับสถานการณ์โดยไม่รู้สึกพะวงมากนัก  วันนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่พบว่าตัวเองรู้สึกเป็นสุขกับการนั่งอยู่ตรงหน้าสุด

 

มองเข้าไปในใจแล้วตอบตัวเองได้ว่าไม่ได้เป็นสุขเพราะรู้สึกว่าตนเองโดดเด่นและสำคัญกว่าคนอื่น  แต่เป็นสุขกับการอยู่กับปัจจุบันขณะ   และถ้าจะให้ย้ายไปอยู่ตำแหน่งไหนในขณะนั้นก็สามารถเป็นสุขได้พอ ๆ กัน

 

และด้วยความที่ค่อนข้างผ่อนคลายและสงบนี้เองจึงเกิดความสนุกที่จะได้สังเกตตัวเองและสังเกตความรู้สึกนึกคิดที่เปลี่ยนแปรไปในแต่ละขณะมากขึ้นกว่าวันก่อน ๆ   คิดว่าคนที่ไม่เคยมาวัดป่าน่าจะรู้สึกทึ่งที่คณะสงฆ์ทั้งหมดดูประสานกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกัน

 

ก่อนหน้าที่จะไปตักอาหารลงในบาตร  คนที่มาถึงก่อนนั่งรออย่างสงบจนกว่าจะมากันพร้อมทุกคน ญาติโยมที่มาวัดจึงต้องพลอยนั่งสมาธิตามไปด้วย  เมื่อมีคนประกาศว่าอาหารรับประเคนเรียบร้อยแล้ว  ประธานสงฆ์นำกราบพระและลุกขึ้นเดินนำไปตักอาหารที่โรงครัว  เมื่อเสร็จแล้วทยอยกันกลับเข้ามานั่งประจำที่อย่างสงบ  ประธานสงฆ์นั่งรอจนทุกคนเรียบร้อยแล้วจึงนำให้พร  พระสงฆ์และแม่ชีสวดตามอย่างพร้อมเพรียงกัน  เมื่อสวดจบนิ่งภาวนาอยู่ครู่หนึ่ง  ทุกคนรอจนกว่าประธานจะขยับตัวเปลี่ยนท่านั่งจากพับเพียบเป็นท่าขัดสมาธิเพื่อให้สะดวกต่อการฉันแล้วจึงขยับตัวตาม  ไม่มีใครเปิดฝาบาตรของตนจนกว่าประธานจะเปิดก่อน  และเมื่อนั่งพิจารณาอาหารอยู่ครู่หนึ่ง  ประธานเคาะระฆังเป็นสัญญาณให้ญาติโยมลุกออกไปจากศาลาได้  จากนั้นพระสงฆ์และแม่ชีทั้งหมดรอให้ประธานตักอาหารคำแรกแล้วจึงจะตักต่อไปเป็นลำดับตามความอาวุโส

 

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบ  ไม่มีการพูดกันโดยสิ้นเชิง  ต่างคนต่างอยู่กับความสงบของตัวเองแต่ก็รับรู้ถึงการอยู่ร่วมกัน  ไม่มีใครรีบที่จะไปที่ไหน  และไม่พะวงถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว  นับเป็นตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมของชุมชนสงฆ์ในอุดมคติโดยแท้ 

ความจริงแล้ว  เหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้ถือเป็นเรื่องปกติในวัดป่าทั่วไป  แต่เนื่องจากไม่มีเหตุให้ต้องเล่าจึงไม่อาจจะเล่าขึ้นมาเองได้  ต่างจากครั้งนี้ที่ผนวกกับสถานการณ์ที่เห็นควรจะเล่าเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น  และคิดว่าคนทั่วไปไม่มีโอกาสสัมผัสอย่างใกล้ชิด  จึงไม่ค่อยได้รับรู้ถึงความเงียบสงบอันงดงามนี้

 

ภายหลังได้นั่งคุยกับเพื่อน  พูดกันว่านี่อาจจะเป็นครั้งแรกในรอบกว่ายี่สิบห้าปีของการก่อตั้งวัดที่มีพระไทยมาทำหน้าที่เป็นผู้นำเช่นนี้   เพราะที่ผ่านมามีพระไทยเพียงไม่กี่รูปที่มาอยู่ที่นี่และส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ตรงกับช่วงที่ครูบาอาจารย์ผู้ใหญ่ต้องเดินทางไปทำธุระ  ฟังดูแล้วก็ออกจะเป็นเกียรติแก่ตัวเองอยู่ไม่น้อยทีเดียว

 

เมื่อนึกย้อนไปแล้ว   หากมองในสายตาชาวโลก  การมาอังกฤษครั้งนี้ออกจะเป็นการกระทำที่ค่อนข้างบ้าบิ่นพอสมควร    เพราะในการเดินทางข้ามทวีปเป็นครั้งแรกของชีวิต  ก็ออกเดินทางเพียงลำพังโดยไม่มีเงินติดตัวเลย ไม่มีญาติหรือคนรู้จักที่จะมารับที่สนามบิน และไม่มีแม้กระทั่งเบอร์โทรศัพท์ของคนที่ควรจะติดต่อด้วย เพราะถึงจะมีก็คงไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาเป็นค่าโทรศัพท์

 

เพียงไม่กี่นาทีแรกที่เหยียบผืนดินอังกฤษก็พบว่าตัวเองต้องยืนเข้าคิวยาวเหยียดพร้อมกับคนแปลกหน้าแปลกตาจำนวนมาก  เมื่อถึงด่านตรวจก็ประจักษ์ในวินาทีนั้นว่าจะต้องถูกส่งไปตรวจร่างกายเพราะคาดว่าจะอยู่ในอังกฤษเกินกว่าหกเดือน หลังจากถูกเอ๊กซเรย์ปอดเพื่อตรวจหาวัณโรคแล้ว  ก็ต้องรีบออกตามหากระเป๋าที่ถูกส่งออกมาทิ้งค้างไว้ด้วยใจตุ้ม ๆ ต๋อม ๆ ว่าคนที่มารับจะยังรออยู่ไหม  เพราะใช้เวลานานเสียจนคนอาจจะคิดว่าตกเครื่องบินตั้งแต่อยู่เมืองไทยก็เป็นได้

 

เคราะห์ดีที่คนมารับพยายามสอบถามคนไทยที่มากับเที่ยวบินนั้นว่ามีพระไทยมาด้วยหรือเปล่า  จึงยังนั่งรออยู่แม้เวลาจะผ่านไปเกินกว่าชั่วโมงแล้ว  และเมื่อมาถึงวัดจิตวิเวกเข้าจริง ๆ  ก็ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ชวนให้อุ่นใจเลยแม้แต่น้อย  เพราะเหลียวหน้าแลหลังแล้วไม่เห็นมีคนไทยที่ไหนพอจะปรึกษาหารือได้  รอบ ๆ ตัวก็มีแต่สิ่งใหม่ที่ต้องปรับตัวปรับใจ  จะมีใครอีกหนอที่อาจหาญตัดสินใจเดินทางมาต่างประเทศด้วยเงื่อนไขที่แสนจะหละหลวมเช่นนี้ 

ชีวิตพระในต่างแดน  ดูภายนอกช่างเปราะบางและช่วยเหลือตัวเองแทบไม่ได้เอาเสียเลย  เพราะเงื่อนไขทางพระวินัยที่ไม่สามารถจัดการเรื่องเงินทองได้เอง  ทำให้ต้องขึ้นอยู่กับการช่วยเหลือของผู้อื่น  แถมผู้อื่นที่ว่านี้ยังไม่อยู่ในฐานะที่เรามักคุ้นพอที่จะขอร้องให้ทำอะไรให้โดยง่ายเสียด้วย  แต่ว่าความเปราะบางนี้เองทำให้ชีวิตง่ายขึ้น  ไม่ต้องยุ่งยากกับการวางแผนใด ๆ และไม่มีอะไรจะให้วิตกล่วงหน้า  เพราะไม่มีอะไรที่คาดเดาได้  มีแต่ต้องทำใจยอมรับและเป็นสุขกับมันให้ได้เท่านั้น

 

และนับจากวันแรกที่มาถึง  ยังไม่พบว่ามีเรื่องใดที่ทำให้เกิดความทุกข์หรือกังวลใจ  ทุกอย่างยังคงเป็นไปตามปกติธรรมดา  และยังแสวงหาความสุขความพึงพอใจได้ในทุก ๆ วัน  เพียงเท่านี้ก็ควรจะถือว่าสุขเกินคาดแล้วไม่ใช่หรือ

4 Responses to “สุขใจในท่ามกลางสงฆ์”

  1. Khun T said

    นมัสการพระคุณเจ้า

    ฟังท่านว่าถึงความสงบ นั่งอยู่อย่างมีความสุข ทำอย่างมีความสุข ย้ายไปนั่งทางอื่นที่อื่นก็ยังทำอย่างมีความสุข ผมอยากทำได้เช่นนั้นบ้างจัง

    มาอ่านข้อเขียนท่านทีใดก็รู้สึกถึงความสงบทุกครั้งไป แต่พอออกจากที่นี่ไป ก็รู้สึกตัวไม่นิ่ง ใจไม่นิ่งตลอดเลย

  2. worrawit said

    กราบนมัสการพระอาจารย์จิ๋วครับ

    อ่านบทความนี้ของท่านอาจารย์แล้วรู้สึคสงบ และได้กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง อย่างที่ Khun T ว่าจริงๆครับ

  3. phrajew said

    I am grateful for your comments, Wit and Khun T.

    The peaceful mind arises whe one is in present moment, not dwell in the past or worry for the future.

    It may be more practical not to hope for the whole day of peacefulness but for just some moments during your daily activities. Let it gradually develop into the right attitude towards life. It will then be better and better.

    With metta!

  4. Air said

    Namussakarn ka Phra Jew,

    Lately I have thought that I have lost the peace that I just found.
    This answer of yours has lightened me.
    The peace is here and there. Why did I forget that?
    I should be pleased with every little moment that peace presents in me and do not expect that being in peace means having peace all the time.

    Thank you for the words of guidance

    P Ta (P X’s wife) asked me some times ago about the main Buddha image at Wat Pa Yenboon. Her mom would like to Tamboon the main buddha image. I couldn’t find a way to reach you at that time so I asked her to ask Phra Ajarn Jayasaro.

    With respect,

ส่งความเห็นที่ Air ยกเลิกการตอบ