ริมสระใหญ่กลางป่า มีขอนไม้ล้มที่ทอดยาวลงไปในน้ำ บางส่วนโผล่พ้นขึ้นมาเป็นกิ่งใหญ่ขนานไปกับผิวน้ำ ที่ตรงนี้เองที่มักจะได้เห็นนักพรตเทายืนโดดเดี่ยวอยู่อย่างเงียบงัน น้อยครั้งนักที่จะขยับตัว ท่าทีของการยืนชวนให้คิดว่ากำลังจมดิ่งอยู่สมาธิ แต่เพียงชั่วกระพริบตา ปีกสีเทาก็กางออกบินร่อนเหนือผิวน้ำ
นักพรตเทาที่ว่านี้คือ นกกระสาหลังเทา (Grey Heron, Ardea cinerea) ซึ่งมีถิ่นอาศัยอยู่ในพื้นที่ชุ่มน้ำ หรือตามพงหญ้าริมสระ คนอังกฤษขนานนามให้นกชนิดว่าชายชราผมเทา (The Old Grey Man) จากอุปนิสัยที่ชอบยืนอยู่ลำพังตามกิ่งไม้
ด้วยความที่ได้พบเห็นกันอยู่ทุกวันระหว่างเดินกลับกุฏิกลางป่าทำให้รู้สึกคุ้นเคยไปโดยปริยาย แม้จะไม่ได้ทักทายโบกไม้โบกมือให้กัน แต่เชื่อว่านักพรตเทาต้องรับรู้ถึงการเดินผ่านไปผ่านมาของเราแน่นอน เพียงแต่อาจจะสนใจเพ่งมองผิวน้ำเบื้องหน้ามากกว่าเท่านั้นเอง
ชีวิตของนักพรตเทานั้นดูเงียบเหงานัก ตลอดทั้งวันได้แต่ยืนจ่อมจมอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ ทุก ๆ เช้าก็ต้องมายืนอยู่ที่เดิมเพื่อมองหาอาหาร บางวันได้เห็นนกกระสาอีกตัวมาเกาะอยู่ริมสระอีกฟากหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่าต่างฝ่ายต่างจะอยู่กับตัวเอง ไม่สนใจที่จะเสวนาพูดคุยกัน
นึกถึงภาพวาดแบบดั้งเดิมของจีนที่เป็นรูปขุนเขาสูงใหญ่ มีชายชรานั่งตกปลาอยู่เดียวดาย ชีวิตนี้ดูช่างเล็กกระจ้อยร่อย เมื่อเทียบกับธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ หรือว่าสัจธรรมเป็นเช่นนี้ วันเวลาส่วนใหญ่ของชีวิตต่างต้องดำเนินไปตามลำพัง การพบปะคุ้นเคยกันเป็นเพียงของชั่วคราวที่จะต้องมีวันเปลี่ยนแปรในที่สุด
ชีวิตของนักพรตเทาบอกให้รู้ว่า เราต่างคนต่างเหงาอยู่บนดาวดวงเดียวกัน