The Countryside of Chithurst

Reflections of Buddhist monastic life in England

ชีวิตกลางกระแส blog

Posted by phrajew บน ธันวาคม 15, 2006

 

ตอนที่คิดจะเขียนบันทึกลง blog  ในใจคิดเพียงว่าคนที่อ่านคงจะอยู่ในเฉพาะแวดวงเพื่อนฝูงที่รู้จักกันเท่านั้น  ข้อดีที่คิดไว้คือ จะได้ไม่ต้องส่งจดหมายหลาย ๆ ฉบับ และอีกส่วนหนึ่งก็จะเป็นบันทึกส่วนตัวที่เก็บไว้อ่านทบทวนความคิดของตัวเองด้วย  แต่ในความเป็นจริงกลับเป็นว่า  คนอ่านส่วนใหญ่กลับกลายเป็นคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย 

 

เหตุที่รู้ว่ามีคนอ่านหลากหลาย เพราะได้รับความช่วยเหลือจากคุณ soilmatter ในการติดตั้งแผนที่ซึ่งบอกให้รู้ว่าคนอ่านมาจากไหนกันบ้าง  แรกทีเดียวมีจุดสีแดงอยู่ที่อังกฤษ อเมริกา และเมืองไทย เพียงไม่กี่แห่งซึ่งพอจะรู้ได้ว่าเป็นใคร 

 

ครั้นเวลาผ่านไป ไม่ได้เข้าเว็บไซต์ราว ๆ หนึ่งเดือน  ก็ต้องประหลาดใจที่ได้พบว่า มีจุดแดง ๆ บนแผนที่เต็มไปหมด ทั้งในส่วนที่เป็นยุโรปและอเมริกา  รวมทั้งอีกสองสามแห่งในแถบอเมริกาใต้และออสเตรเลียด้วย  น่าขันว่าเจ้าของเว็บไซต์เองกลับมีสถิติการเข้าชมน้อยกว่าคนอื่น ๆ เสียอีก 

ไม่อาจจะรู้ได้เลยว่ากลุ่มผู้อ่านเหล่านี้เป็นใคร และเข้ามาอ่านอะไร  หรืออาจจะเป็นเพียงการแวะผ่านมาด้วยความบังเอิญก็ไม่รู้ได้  เพราะลำพัง blog เล็ก ๆ ที่เป็นภาษาไทยอย่างนี้ ไม่น่าจะมีคนรู้จักมากนัก

 

เวลาที่เขียนให้อ่านในหมู่คนกันเอง  รู้สึกว่าไม่ต้องระมัดระวังตัวมาก เพราะถ้าผิดพลาดอย่างไรก็มักจะได้รับการอภัยเสมอ  แม้จะเขียนอธิบายไม่ชัดเจนแจ่มแจ้งมากนัก คนอ่านที่รู้ภูมิหลังก็พอจะเดาความคิดออกและทำความเข้าใจได้ไม่ยาก  แต่เมื่อกลุ่มผู้อ่านเปลี่ยนไปอย่างนี้ ทำให้คิดว่าจะเขียนอะไรตามใจไม่ได้เสียแล้ว (ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะทำได้ตามที่คิดเสมอไป เพราะยังคงเขียนอะไรตามใจชอบอยู่ดี) 

นอกจากนี้ ด้วยความที่ปกติไม่ค่อยได้ท่องโลกอินเตอร์เน็ต จึงไม่เคยรู้เลยว่าการทำ blog กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่ง  พอได้อ่านจากคอลัมน์หนังสือพิมพ์ที่ระบุว่า ผู้ชายจำนวนมากในอังกฤษเขียนเรื่องส่วนตัวลง blog เป็นประจำทุกวัน แม้กระทั่งนักการเมืองดาวรุ่งอย่างเดวิด คาเมรอน หรือล่าสุดประธานาธิบดีของอิหร่านก็ยังมี blog เป็นของตนเอง จึงเพิ่งจะรู้ว่าใคร ๆ เขาก็มี blog กัน 

มีคนล้อกันว่าคำพูดติดปากของคนรุ่นใหม่ในอังกฤษ คือ ชักอยากเอาไปเขียนลง blog แล้วสิ’ (I wish I could write it in my blog in this minute!)  แต่ในกรณีของตัวเอง คิดว่ายังไม่ถึงขั้นนั้น (แค่คิดและวางแผนล่วงหน้าว่าจะเขียนเรื่องนี้ลง blog เท่านั้นเอง!!!!)

 

ตั้งแต่บวชมาก็เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่า ได้ทำอะไรตามกระแสที่คนนิยมกัน  พอรู้อย่างนี้ชักเริ่มตะขิดตะขวงใจขึ้นมาทันควัน เพราะแต่ไหนแต่ไรเป็นคนนอกกระแสมาตลอด  อยู่ดี ๆ ก็เหมือนตกอยู่กลางกระแสแบบไม่รู้สึกตัว 

 

อย่างไรก็ตาม การเขียนคงไม่ใช่เรื่องสำคัญในลำดับต้น ๆ ของชีวิต  ยิ่งการทำ blog ด้วยแล้ว ยิ่งไปกันใหญ่  หากในช่วงนี้สะดวกที่จะเขียนและพิมพ์ลงในคอมพิวเตอร์ ก็อาจจะทำ  แต่คงไม่ถือเป็นภาระที่ต้องติดตามความเคลื่อนไหวทุก ๆ วัน 

 

เมื่อกลับเมืองไทย  วิถีชีวิตของพระในวัดป่าซึ่งยังไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปาให้ใช้ คงไม่เอื้ออำนวยให้เขียนอะไรได้มากนัก  เพราะอย่าว่าแต่อินเตอร์เน็ตเลย  ลำพังแค่ไปรษณีย์ก็ยังบริการไม่ถึงวัดเสียด้วยซ้ำ ในที่สุด blog แห่งนี้คงจะต้องยุติไปโดยปริยาย

 

ชีวิตของคนเราก็ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขและปัจจัยอย่างนี้เอง  ถึงไม่ได้เขียน blog ก็เชื่อว่าชีวิตจะยังคงเป็นสุขได้ไม่ยาก  และยังมีอะไรหลายอย่างในชีวิตที่น่าทำอยู่อีกไม่น้อย  

หมายเหตุ  สำหรับผู้ที่เข้ามาอ่านบ่อย ๆ อยากขอให้ช่วยรายงานตัวกันสักหน่อย  ถ้าจะใช้นามแฝงก็ไม่ว่า  แต่อยากรู้ว่าทำอะไร อยู่ที่ไหนกันบ้างเท่านั้น  ขออภัยที่ไม่มีความสามารถจะทำให้ช่องแสดงความคิดเห็นปรากฏให้เขียนกันได้ง่าย ๆ  ผู้อ่านคงต้อง click ที่ comment กันเอาเอง

 

 

2 Responses to “ชีวิตกลางกระแส blog”

  1. soilmatter said

    นมัสการครับ
    งั้นผมขอรายงานตัวเป็นคนแรกครับ เป็นนศ.อยู่คณะเศรษฐศาสตร์ปีสาม ภาคภาษาอังกฤษ จุฬาครับ ผมยอมรับว่ามาเขียนตามกระแส เพราะอยากรู้ว่าฝีมือการเขียนพอจะไปไหวไหม อยากรู่ว่าตัวเองถนัดด้านไหน ครูบาจะกลับแล้วหรอครับ เหอ..ไม่อยากให้หยุดทำบล็อกเลย ที่นี้เป็นบล็อกที่ดีอันหนึ่งเลยเหมือนกัน

  2. สุภาวดี ชนินทรพิทักษ์ said

    ติดตามอ่านข้อเขียนของหลวงพี่ค่ะ เป็นธรรมะที่เหมาะกับยุคสมัย ลึกซึ้งแต่เข้าใจไม่ยากค่ะ

ส่งความเห็นที่ soilmatter ยกเลิกการตอบ